พระอุตระ
"พระอุตระ
สัณฐานดังเมล็ดแตงโม พรรณแดงดังสีเปลือกกรู ดังผลหว้า"
ประวัติ
พระอุตระ
หนังสือโดยทั่วไปกล่าวว่า
"พระอุตระ" ที่ปรากฏในตำราพระธาตุ เป็นองค์เดียวกับ
"พระอุตระ" หนึ่งในพระธรรมฑูต ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเขตสุวรรณภูมิ
แต่เมื่อค้นประวัติแล้ว ในสมัยพุทธกาลก็มีพระอรหันต์องค์หนึ่งนามว่า
พระอุตระ เช่นกัน ดังมีประวัติกล่าวถึงดังนี้
พระอุตตระเถระ
ท่านเป็นบุตรของพราหมณ์ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งในนครราชคฤห์
เป็นผู้เชี่ยวชาญในไตรเพท มีรูปงาม มีศีล และมีปัญญาเฉลียวฉลาด
ท่านวัสสการพราหมณ์ มหาอำมาตย์ของพระเจ้าอชาตศัตรูเห็นรูปสมบัติและคุณสมบัติของท่านแล้ว
เกิดความเอ็นดู ปรารถนาจะให้สมรสกับธิดาของตน แต่ท่านเกิดความเบื่อหน่ายต่อโลก
ไม่ปรารถนาจะครองเรือน และเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาของท่านพระสารีบุตร
ได้เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอบรรพชาอุปสมบทกับพระสารีบุตร
และอยู่ปฏิบัติรับใช้พระเถระผู้เป็นอาจารย์เรื่อยมา
ครั้งหนึ่ง
ท่านพระสารีบุตรอาพาธ พระอุตตระได้ออกไปหาหมอแต่เช้าตรู่ ครั้นเดินไปพบสระน้ำในระหว่างทาง
ท่านได้วางบาตรไว้ริมฝั่งสระน้ำ แล้วลงไปตักน้ำ ล้างหน้า บ้วนปาก
ในขณะนั้น โจรคนหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามมา เขาได้ทิ้งเพชรพลอยที่ขโมยมาลงในบาตรของท่าน
แล้วหลบหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตามมาเห็นมีเพชรพลอยอยู่ในบาตรของท่าน
จึงนำท่านไปหาวัสสการพราหมณ์ ท่านมหาอำมาตย์ได้ตัดสินให้ลงโทษท่าน
โดยการทรมานอย่างทารุณ พระพุทธองค์ทรงเห็นอุปนิสัยของท่านว่า
จักได้บรรลุธรรมในวันนั้น จึงได้เสด็จไปทางอากาศ ยืนประทับอยู่เหนือศีรษะของท่าน
เอาพระหัตถ์ลูบศีรษะของท่านด้วยพระเมตตากรุณาธิคุณยิ่งแล้วตรัสว่า
"อุตตระ นี่คือ ผลแห่งกรรมในอดีต" แล้วตรัสสอนธรรมตามอุปนิสัยของท่านในที่สุด
ท่านก็ได้บรรลุอรหัตตผลพร้อมด้วยอภิญญา ๖ และได้หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการ
เหาะขึ้นไปในอากาศบาดแผลที่ร่างกายของท่านได้หายสนิทดี
ครั้งหนึ่งเพื่อนสหธรรมิกหลายรูปได้เรียนถามท่านว่า
ท่านสามารถดับทุกข์ได้อย่างไร ท่านตอบว่า
"ภพอะไรที่เที่ยงไม่มี
แม้สังขารที่เที่ยง ก็ไม่มี ขันธ์เหล่านั้นย่อม
เวียนเกิดและเวียนดับไป ผมรู้โทษอย่างแล้ว จึงไม่ความต้องการด้วยภพ
ผมสลัดตนออกจากกามทั้งปวง บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว"(๑)
พระอุตตระนี้ น่าจะเป็นคนเดียวกับพระตีณิกัณณิการปุปผิยะ(๒)
๑.
ขุ. เถร. ๒๖/๒๘๗ ; เถร.อ. ๑/๒๔๐
๒. ขุ. อปทาน. ๓๓/๑๓๙-๑๔๓
สารานุกรม
พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน