พระกุณฑะละติสสะ
"พระกุณฑะละติสสะ
สัณฐานดังจาวเมล็ดลูกจันทน์"
ประวัติ
พระกุณฑธานเถระ* เอตทัคคะในทางผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง
พระกุณฑธาน
เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในเมือง สาวัตถี มีชื่อว่า ธานะ ศึกษาศิลปะวิทยาจบไตรเพทตามลัทธิพราหมณ์
ท่านครองชีวิตฆราวาสอยู่จนย่างเข้าสู่วัยชราวันหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส
กราบทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาทรงประทานการอุปสมบทให้ตามประสงค์
มีหญิงสาวตามทุกย่างก้าว
เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้วปรากฏว่าไม่ว่าท่านจะอยู่ในกุฏิที่พักของตน
หรือไปในที่อื่น ๆ แม้แต่เวลาที่ท่านออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านก็ตามที
จะมีหญิงสาวรูปร่างสวยงามเดินตามเป็นเงาตามตัวท่านอยู่ตลอดเวลา
สำหรับท่านเองนั้นมองไม่เห็น แต่คนอื่น ๆ ทั่วไปจะเห็นกันอย่างชัดเจน
เมื่อท่านเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ประชาชนที่ใส่บาตรก็จะพากันพูดว่า
ส่วนนี้เป็นของท่าน อีกส่วนหนึ่งนี้เป็นของหญิงสหายที่ติดตามท่าน
เวลาที่ท่านอยู่ในวัดก็จะถูกเพื่อนสหายธรรมิกพูดจาเสียดสีท่านว่า
คนกุณฑะ ซึ่งหมายถึงคนชั่วช้า ดังนั้น ท่านจึงได้ชื่อว่า
กุณฑธานะ" พระกุณฑธานะ ตัวท่านเองไม่เห็น และไม่ทราบเลยว่ามีหญิงสาวติดตามท่านอยู่เสมอ
เมื่อท่านได้ฟังประชาชนที่ใส่บาตรพูดกันว่า ส่วนนี้เป็นของท่าน
อีกส่วนหนึ่งนี้เป็นของหญิงสหายที่ติดตามท่าน และการที่เพื่อน
ๆ สหธรรมิกพูดจาเสียดสีว่าท่านเป็นคนชั่วช้านั้น ทำให้ท่านเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ
ท่านจึงพูดโต้ตอบขึ้นด้วยถ้อยคำรุนแรง จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน
พระบรมศาสดาทรงทราบความรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าแล้วตรัสเตือนท่านว่า:-
ดูก่อนธานะ กรรมเก่าของเธอยังชดใช้ไม่หมดไฉนเธอจึงสร้างกรรมใหม่อีก
จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสเล่ากรรมเก่าในอดีตให้ท่านฟัง
กรรมเก่าของท่าน
ในอดีตกาล ครั้งที่พระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านธานะเกิดเป็นภุมเทวดา
(เทวดาที่สิงสถิตตามภาคพื้นดิน) เห็นพระภิกษุ ๒ รูป มีความรักใคร่และสามัคคีกันอย่างมาก
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ๆ ทั้งสองมักจะไปด้วยกันเสมอ จึงคิดที่จะทดลองใจท่านทั้งสองดูว่า
จะชอบพอกันมั่นคงเพียงไหน มีอะไรที่จะทำให้ท่านแตกแยกกันได้หรือไม่
เทวดาจึงรอโอกาสอยู่จนถึงวันอุโบสถวันหนึ่ง เห็นท่านทั้งสองเดินทางมาเพื่อร่วมทำอุโบสถสังฆกรรม
ณ อารามแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางพระรูปหนึ่งขอโอกาสเข้าไปถ่ายอุจจาระในป่าข้างทาง
ส่วนอีกรูปหนึ่งรอคอยอยู่ข้างนอก ภุมเทวดาเห็นเป็นโอกาสดี
เมื่อพระรูปที่เข้าไปถ่ายอุจจาระในป่าเดินกลับออกมา จึงแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยเดินตามหลังท่านออกมาจากป่าด้วย
พร้อมกับแสดงกิริยาอาการเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการสำเร็จกามกิจกับท่านมา
มีการจัดผ้านุ่งและจัดผม เป็นต้น ส่วนตัวพระรูปนั้นไม่รู้ไม่เห็นเลย
แต่เพื่อพระรูปที่ยืนรอคอยอยู่นั้นมองเห็นชัดเจนเมื่อท่านออกมาจากป่า
จึงถูกพระเพื่อนรูปนั้นต่อว่าและกล่าวโทษตามที่ตนเห็นนั้น
จึงเกิดการโต้เถียงกันรุนแรงขึ้น และเรื่องก็รุกรามไปถึงหมู่ภิกษุทั้งหลาย
ซึ่งต่างก็พากันรังเกียจภิกษุรูปนั้น ไม่ยอมร่วมทำอุโบสถสังฆกรรมด้วย
ทำให้ท่านเกิดความทุกข์ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ภุมเทวดาผู้เป็นต้นเหตุนั้น
เห็นเหตุการณ์รุกรามไปอย่างนั้น รู้สึกสำนึกผิด จึงเข้าไปแจ้งความจริงแก่ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอจึงได้ร่วมทำอุโบสถสังฆกรรมกันได้ แต่ความรักและความสนิทสนมระหว่างเพื่อนภิกษุทั้งสองรูปนั้น
ไม่เป็นไปตามเดิม ต่างแยกกันอยู่แยกกันเดินทางแยกกันปฏิบัติกิจปฏิบัติธรรมจนสิ้นอายุขัยภุมเทวดา
จุติจากชาตินั้นแล้วไปเกิดในอเวจีมหานรก เสวยผลกรรมนั้น อย่างแสนสาหัส
จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ จึงพ้นจากนรกนั้นแล้วมาเกิดเป็นบุตรพราหมณ์
ในเมืองสาวัตถี มีชื่อว่า ธานะ ด้วยเศษแห่งผลกรรมของท่านนั้น
เมื่อท่านบวชแล้วจึงมีรูปหญิงสาวติดตามท่านเป็นเงาตามตัวอยู่เสมอ
พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จพิสูจน์ความจริง
เรื่องราวของท่านนั้นทราบไปถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้เป็นองค์พุทธศาสนูปถัมภ์
ทรงมีพระดำริที่จะกำจัดมลทินพุทธศาสนาให้สิ้นไป จึงเสด็จไปยังที่อยู่ของพระธานเถระขณะนั้น
พระธานเถระอยู่ในห้อง เมื่อทราบว่าพระราชาเสด็จมาจึงออกไปรับเสด็จข้างนอก
ภาพที่พระเจ้าปเสนทิโกศได้ทอดพระเนตรเห็นก็คือภาพหญิงสาวยืนอยู่ข้างหลังพระธานเถระสมจริงดังข่าวลือ
จึงเสด็จเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อทอดพระเนตรให้เห็นชัด แต่ภาพนั้นกลับหายไป
จึงขออนุญาตท่านเข้าไปตรวจดูภายในห้อง ทรงตรวจดูด้วยพระองค์เองอย่างละเอียด
แต่ก็ไม่พบหญิงสาวคนนั้น จึงเสด็จออกมาข้างนอก ประทับยืนที่เดิม
ก็ทอดพระเนตรเห็นภาพหญิงสาวนั้นเหมือนเดิมอีก พระองค์ทรงทดลองเสด็จพระดำเนินเข้า
ๆ ออก ๆ หลายครั้ง จนแน่พระทัยว่า รูปหญิงสาวนั้นไม่ใช่ของจริง
คงเป็นรูปที่เกิดขึ้นจากกรรมเก่าของท่านเอง ทรงแน่พระทัยว่ามิใช่ความประพฤติผิดลามกอย่างที่เป็นข่าวลือกัน
ทรงพระดำริว่า พระเถระคงจะลำบากด้วยอาหารบิณฑบาตอันเนื่องจากประชาชนรังเกียจท่าน
จึงกราบนมัสการนิมนต์ให้ท่านเข้าไปบิณฑบาตในพระราชวังทุกวัน
ทรงให้ความอุปถัมภ์บำรุงท่านด้วยปัจจัย ๔ มิให้ท่านต้องวิตกกังวลใด
ๆ อีกต่อไป
สุขภาพกายดี
จิตก็ดีด้วย
พระกุณฑธานเถระ ตั้งแต่นั้นมา ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
เพราะได้รับอาหารที่ดี สุขภาพจิตก็ดีขึ้น เพราะไม่มีคำพูดเสียดสี
ต่อว่า เยาะเย้ยเป็นต้น ท่านจึงมีโอกาสบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด
ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตผล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รูปหญิงสาวก็หายไป
ไม่ปรากฏอีกเลย
ต่อมา
ได้มีมหาอุบาสิกานามว่าสุภัททา กราบอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
๕๐๐ รูป ไปสู่อุคคนคร เมื่อถึงเวลาแจกภัตตาหารพระอานนท์เถระรับหน้าที่แจกสลากแก่ภิกษุสงฆ์
ขณะนั้นท่านพระกุณฑธานเถระ ได้แสดงอภินิหารเหาะขึ้นไปบนอากาศ
บันลือสีหนาทแล้วขอจับสลากก่อนซึ่งพระอานนท์เถระก็ให้ท่านจับก่อนตามประสงค์
แม้ในการแจกภัตรด้วยสลากครั้งอื่น ๆ ท่านก็จะนับถือสีหนาทและขอจับสลากเป็นท่านแรกทุกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ
เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ผู้จับสลากเป็นที่หนึ่งท่านดำรงอายุสังขาร
ช่วยเหลือกิจการพระศาสนาสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
จาก
http://84000.org
*เป็นองค์เดียวกับ
พระกุณฑะละติสสะ (นิรนาม. มปพ. พระบรมสารีริกธาตุ. พี แอนด์
เอฟ กราฟฟิค จำกัด, กรุงเทพฯ)