เนื้อหาภายใน
หน้าแรก
คำนำ
พระบรมสารีริกธาตุ
  ความหมาย
  ประเภท
  คุณลักษณะ
  ลักษณะต่างๆ
  พระธาตุลอยน้ำ
ตำนานการเกิด
  ตำนานการเกิด
  สถานที่ประดิษฐาน
  พระอดีตพุทธเจ้า
  ธาตุปรินิพพาน
พุทธเจดีย์
  พุทธเจดีย์
  บุคคลที่ควรสร้างสถูป
  เจดีย์ประจำนักษัตร
พระธาตุพุทธสาวก
  พระธาตุพุทธสาวก
  สาวกธาตุพุทธกาล
  สาวกธาตุปัจจุบัน
บูชาพระธาตุ
  บูชาพระธาตุ
  อัญเชิญพระธาตุ
  บทบูชาพระธาตุ
  สรงน้ำพระธาตุ
  ในพุทธดำรัส และพระสาวก
  ในเทวดาและเปรต
พระธาตุปาฏิหาริย์
  พระธาตุปาฏิหาริย์
  ลักษณะการเกิด
  ประสบการณ์พระธาตุ
ภาพถ่ายพระธาตุ
  พระบรมธาตุ 1
พระบรมธาตุ 2
พระบรมธาตุ 3
  สาวกธาตุพุทธกาล
  สาวกธาตุปัจจุบัน
  วิธีถ่ายภาพพระธาตุ
บทความเกี่ยวกับพระธาตุ
พิพิธภัณฑ์พระธาตุ
กระดานข่าวสนทนา
บรรณานุกรม
บอกกล่าว

Quick link : พระธาตุปาฏิหาริย์ | ลักษณะการเกิด | ประสบการณ์พระธาตุหน้า 1 | หน้า 2

ประสบการณ์พระธาตุ

หน้านี้ก็สำหรับท่านผู้อ่านที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระธาตุน่ะครับ หากท่านใดต้องการจะเผยแพร่ พิมพ์แล้วส่งมาได้ที่ nattachai1024@yahoo.com
เรื่องที่ 1 | เรื่องที่ 2 | เรื่องที่ 3

ประสบการณ์นี้เป็นของคุณครูท่านหนึ่ง ไม่ประสงค์จะออกนามส่งมาให้ครับ

เริ่มแรกที่ข้าพเจ้ารู้จักพระบรมสารีริกธาตุนั้น เพราะในขณะนั้นคุณอาของข้าพเจ้า ได้มาจากท่านผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือ ตอนได้มาได้มาประมาณ 7 องค์เท่านั้น ครั้งแรกที่เห็นข้าพเจ้านึกในใจว่า ทำไมถึงเป็นเม็ดกรวด และมีลักษณะมันเลื่อม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ คือตอนนั้นใครเขาว่าเป็นพระธาตุเราก็ว่าตามเขา ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น 4 ปี ข้าพเจ้าก็เห็นปรากฏการณ์หนึ่ง ที่เกี่ยวเนื่องด้วยปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ คืนวันนั้นข้าพเจ้านอนอยู่บนบ้านทรงไทยสมัยเก่าซึ่งเป็นไม้ และเวลานอนก็จะนอนกางมุ้ง โดยจะมีหิ้งพระอยู่บนหัวนอน โดยหิ้งพระจะเยื้องจากมุ้งประมาณวาเศษ ข้าพเจ้าเอี้ยวตัวลงนอนแล้วเปิดเพลงฟังเป็นปกติ

นึกอย่างไรไม่ทราบ สายตาจากที่ไม่เคยหันไปมองที่หิ้งพระแต่ไหนแต่ไร ก็กลับต้องมอง เหมือนมีอะไรดลใจ ภาพที่เห็นติดตาติดใจ จนกระทั่งทุกวันนี้คือ แสงดวงขนาดนิ้วหัวแม่โป้งลอยจากหิ้งพระอย่างช้าๆ ลักษณะของแสงนั้นเป็นดวงสีเขียวคล้ายกับแสงเลเซอร์สีเขียวอย่างไรก็อย่างนั้นเลย ความสว่างของแสงไม่ทำให้เกิดเงากับวัตถุที่แสงนั้นลอยผ่าน ดวงไฟปริศนานี้ได้ลอยมาวนบนมุ้งที่ข้าพเจ้านอน ลักษณะการวนเป็นวงกลม กลมก็กลมจริงๆ ไม่มีบิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย และยังวนตามเข็มนาฬิกาอีก ข้าพเจ้าจับตาดูจนกระทั่งแสงนั้นลอยหายไปบริเวณชานบ้าน พอได้สติก็รีบวิ่งไปบอกคนที่บ้านว่าเมื่อ ตะกี้เห็นแสงอะไรก็ไม่รู้สวยเชียว อาของข้าพเจ้าก็เลยบอกว่า เคยเห็นเหมือนกัน ลักษณะแบบเดียวกัน แต่เพียงแค่ไม่เห็นที่มาเท่านั้นว่าลอยมาจากไหน หลังจากนั้นได้มีโอกาสได้ไปกราบครูบาอาจารย์ในโอกาสที่ท่านมากิจนิมนต์ที่บ้านข้าพเจ้า ซึ่งจะนิมนต์เป็นประจำแทบทุกปี จึงได้เล่าเหตุการณ์ถวาย และเลยถือโอกาสกราบเรียนถามท่านว่า เอท่านอาจารย์แสงที่เห็นเป็นแสงอะไรแน่ ท่านได้ให้ความกระจ่างว่า แสงที่เห็นเป็นแสงของพระบรมสารีริกธาตุทำปาฏิหาริย์ให้โยมเห็น แสดงว่าโยมมีบารมีเกี่ยวเนื่องด้วยพระธาตุ เพราะครั้งที่อาตมาไปสร้างวัด.......ใหม่ๆ อาตมาก็เคยเห็นเหมือนกัน ข้าพเจ้าในตอนนั้นบอกตามตรงว่า ปีติมาก แม้ว่าพระพุทธองค์จะปรินิพพานไปนานมากแล้วยังมีเมตตากับข้าพเจ้า ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดก็คงจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงสงสัยว่าจะเกี่ยวเนื่องกันกับพระธาตุอย่างไร ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะคิดว่าห่างไกลตัวเองมาก แค่นี้ก็ปลื้มใจมากพอแล้ว

หลังจากนั้น 3 ปี ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปกราบพระธาตุครูบาอาจารย์ที่บ้านคุณหญิงสุรีพันธุ์ และคุณอารยะ หวังทวีวิทย์ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากได้ไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ข้าพเจ้าก็เลยลองอัญเชิญพระธาตุดู ท่านก็มาให้จริงๆ โดยถ้าจำไม่ผิดองค์แรกทีอธิษฐานขอ เห็นจะเป็นของท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล จังหวัด สกลนคร เพราะได้อ่านคำสอนของท่านแล้ว รู้สึกประทับใจมาก พระธาตุที่เสด็จมานั้นลักษณะเป็นแก้วใส 1 องค์ ข้าพเจ้าดีใจมาก ที่ท่านเสด็จมา เพราะครั้งนั้นข้าพเจ้าได้อธิษฐานเสี่ยงบารมีว่า ถ้ามีบุญวาสนา และ บารมีทางพระธาตุอย่างแท้จริงแล้วขอให้พระธาตุเสด็จมาโปรด ถ้าไม่มาแล้วไซร้ข้าพเจ้าจะไม่ขออีกเลย

ระยะนั้นนึกอยากได้องค์ไหนท่านก็มาๆๆ ให้ พอระยะหลังๆที่ได้อัญเชิญท่านก็ไม่มา ซึ่งตามปกติแล้วหลังจากสวดมนต์และนั่งสมาธิแล้วพอลืมตามาก็จะปรากฏบนผ้าขาวที่เตรียมไว้ แต่ครั้งหลังๆนี้ หนึ่งวันก็แล้ว สองวันล่วงไปแล้ว ก็ยังไม่มา จนกระทั่งข้าพเจ้าอ่อนใจที่จะอัญเชิญต่อ แต่ก็ยังคงฉงนใจและแปลกใจว่าทำไมท่านไม่มาให้ หรือว่าเราทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรหรือเปล่า ลองมานั่งย้อนนึกดูก็ไม่มีอะไรนี่นา นึกอยู่ในใจแค่นั้น ความสงสัยก็ยังคงอยู่อีกนั่นแหละ จนกระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็เลยเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ท่านฟัง ท่านก็พลอยตื่นเต้นไปกับข้าพเจ้า จนท่านพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า ถ้ามีบารมีจริงแล้วทำไมถึงต้องอัญเชิญล่ะ สู้ให้ท่านมาหาเราเองไม่ดีกว่าเหรอ ข้าพเจ้าก็เลยสว่างวาบขึ้นมาในใจว่า ลูกรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดท่านจึงไม่เสด็จมา เหตุผลก็คือว่า เราไปยึดมั่นถือมั่น ในองค์พระธาตุว่าถ้าเราขอท่านต้องมาให้ และมีความประมาท มากว่าเรานี้แน่ อธิษฐานทีไรท่านก็มาให้ทุกที ในครั้งแรกที่ท่านมาๆๆให้ เพราะท่านต้องการให้ข้าพเจ้ามีความตั้งมั่น ในพระพุทธศาสนา ให้มีความเชื่อว่า คุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยะสงฆ์ซึ่งยังปรากฏอยู่ในโลกนี้ มิได้เสื่อมสูญหายไปไหน

เสมือนหนึ่งขนมหวานที่ล่อให้ติดใจ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มอด เริ่มทรมานให้รู้ถึงแก่นแท้ ให้รู้ถึงธรรม จนมีผู้เคยพูดว่าพระบรมสารีริกธาตุท่านเสด็จมาสอนธรรม ตอนนั้นก็ยังสงสัยว่า ท่านจะมาสอนได้ยังไงก็ท่านเป็นลักษณะเป็นก้อนกลมๆ คล้ายหินกรวดที่มีลักษณะงดงามเพียงแค่นั้นเอง บัดนี้แจ้งใจแล้วว่าท่านมาสอนได้อย่างไร ข้าพเจ้าเลยเริ่มต้นใหม่โดย ตั้งไว้ว่าเอาละนับแต่นี้ ข้าพเจ้าจะไม่อัญเชิญพระธาตุอีกแล้ว แต่ถ้าท่านเมตตาจริงท่านก็คงมาให้เอง แล้วก็หันมาภาวนา ครั้งแรกๆก็อดไม่ได้ที่จะขอท่านว่าอยากได้ ขอบารมีท่านเสด็จมาโปรดด้วยเถิด นึกในใจ ปรากฏว่าไม่มาเลยซักองค์เดียวคราวนี้ ก็เลยลองใหม่คิดว่าจิตคงจะไม่มั่นคงเท่าที่ควร ลองแล้วลองอีกก็ไม่มา ก็ตัดใจว่าคงไม่ได้ไว้แล้วละ คงไม่มีวาสนา หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้นำมาให้ บางทีครูบาอาจารย์ท่านก็นำมาให้เป็นอย่างนี้ทุกทีไป ก็เลยมาย้อนคิดดูว่าคงเป็นเพราะว่ายังมีความอยากได้ท่านก็เลยไม่มาซะ แต่พอตัดใจจากองค์นั้นๆได้ ท่านคงจะว่า ทรมานมันมาพอสมควรแล้ว ให้มันหลาบจำ ว่าคราวหลังอย่าโลภ พอโลภก็จะขัดขวางความก้าวหน้าของจิต แต่พอสามารถที่จะละวางได้บ้างแล้ว ท่านถึงจะให้มาเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมต่อไป

สมัยก่อนข้าพเจ้าเคยคิดอยากจะเขียนเล่าถึงปาฏิหาริย์ของพระธาตุที่ข้าพเจ้าได้พบซึ่งมากมาย หากนำมาเล่าก็อาจยาวมากขนาดเขียนเป็นเล่มได้ แต่พอบัดนี้แล้วข้าพเจ้าคิดว่า คนทั่วไปเขามักจะเล่าถึงว่าเขาประสบปาฏิหาริย์พระธาตุอย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีผู้เขียนมามากแล้ว แต่ข้าพเจ้ากลับมองว่าทำอย่างไรต่างหากที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาโปรด และท่านสอนธรรมอะไรบ้าง อย่างหนึ่งเลยก็คือ ศีล คือสิ่งที่สำคัญ เป็นบาทฐาน ข้าพเจ้าก็ยังต้องยอมรับว่าบางครั้งก็ด่างพร้อยไปบ้าง เพราะมิได้วิเศษวิโสอะไร เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีอวิชชาเข้าครอบงำอยู่ ซึ่งยังไม่สามารถกำจัดได้ซะทีเดียว และที่สำคัญคือ สมาธิ การนั่งภาวนาดูจิตใจของตนเอง โดยไม่ต้องไปแส่ส่ายหาสิ่งภายนอกอย่างอื่น

ในความคิดของข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่พระธาตุเสด็จมาโปรดหรือไม่ แล้วต้องกอปรด้วยบารมีเก่าที่เกี่ยวเนื่องกับพระธาตุ เช่นเคยอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา หรือ เคยร่วมการสังคายนาพระไตรปิฎก ( เท่าที่ได้ฟังมา ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร) ในความคิดของข้าพเจ้า อยากจะขอให้ท่านทีได้มีโอกาสสักการบูชาพระธาตุอยู่แล้วพยายามสักการบูชาให้เกิดบุญกุศลกับตัวท่านให้มากที่สุด อยากจะขอให้ท่านมองพระธาตุท่านเสมือนว่า ท่านให้ข้อคิดต่างๆด้านธรรมะมากกว่า ที่จะมาคุยอวดกันว่า ท่านผู้ใดมีมาก ท่านผู้นั้นคือผู้ที่มีบารมีมาก เพราะพระธาตุมิใช่ของสะสมที่ไว้อวดบารมี ซ้ำยังก่อให้เกิดความโลภแก่ผู้อื่นเสียด้วยซ้ำ ให้เข้าใจว่าพระธาตุคือส่วนหนึ่งของพระสรีระของพระพุทธองค์ แล พระอรหันตสาวก เป็นเครื่องระลึกถึงคุณอันอเนกอนันต์ของพระพุทธเจ้า พระธรรม แล พระสงฆ์ รวมไปถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และการดำรงคงอยู่ของพระพุทธศาสนา จวบจนห้าพันพระวสา


E-mail ฉบับนึงที่ส่งมาให้ครับ (ส่งมาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546)

สวัสดีครับ

ผมขออนุโมนาบุญกับการเผยแผ่ข้อมูลเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ทราบว่าคุณนัฐชัยเคยอ่านหนังสือ "ไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุทั่วเมืองไทย" ของไพโรจน์ เสรีรักษ์ แล้วหรือยังถ้ายังลองหาอ่านจะได้ข้อมูลอีกมาก

ผมรับราชการและกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว คือวันแรกที่เปิดให้สักการะ พระเขี้ยวแก้วที่พระพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ผมรักษา ศีล8 และยังสวดบทบูชาอยู่เป็นเวลานาน เมื่อกลับมาบ้านแล้วนอนหลับ ตื่นมาประมาณเวลา 05.00 ได้ยินเสียงพระจีนสวดมนต์จนสว่าง ลงไปถามใครก็ไม่มีคนได้ยิน ผมจึงกลับไปไหว้อีก นับถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้สักการะ ผมไปไหว้ทั้งหมด 15 ครั้ง

นายจตุพร กล่อมไสยาศน์ (โดยได้รับอนุญาตให้เปิดเผยนามจากเจ้าของเมลล์แล้วครับ)

next>>>

พระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุพระพุทธสาวก
พุทธบูชา 2542 - 2554 @ http://www.relicsofbuddha.com